ในปี 1989, วงการภาพยนตร์ถูกยกระดับด้วยภาพยนตร์ดราม่าที่ทรงพลังเรื่อง Dead Poets Society (สมาคมกวีผู้ล่วงลับ) กำกับโดย Peter Weir และนำแสดงโดย Robin Williams ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในบทบาทของศาสตราจารย์ John Keating ผู้จุดประกายไฟแห่งความคิดสร้างสรรค์และความกล้าหาญในใจนักเรียนชายโรงเรียน preparatory
Dead Poets Society เล่าเรื่องราวของกลุ่มนักเรียนจาก Welton Academy โรงเรียนเตรียมมหาวิทยาลัยชั้นนำที่เคร่งครัด นักเรียนเหล่านี้ถูกคาดหวังให้ประสบความสำเร็จในทางวิชาการและตามรอยเท้าที่วางไว้โดยสังคม แต่ชีวิตของพวกเขาถูกเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงเมื่อ Keating มาสอนวิชานิรุกติศาสตร์
Keating ไม่ใช่ครูแบบดั้งเดิม เขาไม่ยึดติดกับข้อความในตำราหรือการท่องจำสูตรสำเร็จ เขาสนับสนุนให้ผู้เรียนคิดอย่างอิสระ, ค้นหาความจริงของตนเองและใช้ชีวิตตามเสียงหัวใจ
วิธีการสอนที่แปลกใหม่ของ Keating และบทกลอน “Carpe Diem” (แปลว่า “ฉกโอกาส”) เป็นแรงบันดาลใจให้นักเรียนกลุ่มนี้เริ่มตั้งคำถามต่อขนบธรรมเนียมของโรงเรียนและสังคม พวกเขาเริ่มชุมนุมกันอย่างลับๆใน “Dead Poets Society” ซึ่งเป็นที่สำหรับพวกเขาที่จะแสดงความคิดสร้างสรรค์, อ่านบทกวี, และพูดคุยถึงความฝัน
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถูกยกย่องอย่างมากสำหรับการแสดงที่ยอดเยี่ยมของ Robin Williams ซึ่งสามารถถ่ายทอดความเปรี้ยวจิ๊ด, ความจริงใจ, และความมุ่งมั่นของ Keating ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้กลุ่มนักแสดงวัยรุ่นก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมโดยเฉพาะ Ethan Hawke (ในบท Todd Anderson) Robert Sean Leonard (Neil Perry), และ Josh Charles (Knox Overstreet)
Dead Poets Society ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์เกี่ยวกับการศึกษา แต่เป็นเรื่องราวที่กินใจเกี่ยวกับการค้นหาตัวตน, การต่อต้านความคาดหวังของสังคม, และการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมนับไม่ถ้วนมาจนถึงปัจจุบัน
ประเด็นสำคัญของ Dead Poets Society:
- การปลุกปล้ำความคิดสร้างสรรค์: Keating สอนนักเรียนให้คิดอย่างอิสระ, ค้นหาความจริงด้วยตนเอง, และกล้าที่จะแตกต่าง
- การต่อต้านอำนาจ ‘’: นักเรียนกลุ่มนี้ตั้งคำถามต่อขนบธรรมเนียมของโรงเรียนและสังคมที่กดขี่พวกเขา
- ความสำคัญของ “Carpe Diem”: Keating แนะนำให้ผู้เรียนฉกโอกาสและใช้ชีวิตอย่างเต็มที่
Dead Poets Society เป็นภาพยนตร์คลาสสิกที่ต้องดู และยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมรุ่นต่อรุ่นมาจนถึงปัจจุบัน.